2. อาหารฟาสต์ฟู้ด การไปออกกำลังกายแค่ 1-2 ชั่วโมง ไม่สามารถเผาผลาญไขมันที่คุณได้รับจากแฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟราย อาหารสุดโปรดของคุณได้หรอก เพราะในอาหารเหล่านั้นมีปริมาณไขมันสูงมาก ซึ่งกว่าร่างกายของคุณจะย่อยไขมันได้ก็ใช้เวลาตั้ง 4 ชั่วโมง เป็นช่วงที่กระเพาะอาหารของคุณทำงานหนักมาก จึงทำให้ร่างกายต้องดึงเลือดจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ส่งไปยังกระเพาะอาหารเพื่อย่อยไขมัน ก็เลยทำให้คุณรู้สึกเฉื่อยชาไม่ค่อยอยากจะขยับแขนยับขาออกกำลังมากสักเท่า ไหร่นั่นเอง 3. ช่วงท้องว่าง ปกติร่างกายจะดึงพลังงานที่ได้จากอาหารมาใช้ แต่เมื่อท้องว่างร่างกายของคุณก็จะดึงพลังงานสำรองหรือดึงไกลโคเจนมาใช้แทน ซึ่งหากระดับไกลโคเจนลดลง ก็จะทำให้ร่างกายของคุณอ่อนเพลียและเหนื่อยง่ายขึ้น ดังนั้นก่อนออกกำลังกายก็ควรทานอาหารรองท้องสักหน่อย เช่น ผลไม้สักชิ้นสองชิ้น กล้วยสักใบ หรือโยเกิร์ตสักถ้วย เอาไว้เพิ่มพลังงานสำหรับออกกำลังกายหน่อยก็ดี 4. เครื่องดื่มให้พลังงาน เพราะเครื่องดื่มประเภทนี้มีส่วนผสมคาเฟอีน (รวมทั้งมีปริมาณน้ำตาลมาก) ซึ่งคาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นประสาททำให้นอนไม่หลับ ส่งผลทำให้ร่างกายของคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ แล้วคุณจะรู้สึกอ่อนเพลีย รวมทั้งรู้สึกพะอืดพะอมตลอดเวลา 5. ไข่ไก่ดิบ บางคนคิดว่าการรับประทานไข่ไก่ดิบจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ แต่จริง ๆ แล้วการรับประทานไข่ไก่ดิบนั้น นอกจากจะไม่ได้ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อของคุณแล้ว ยังอาจทำให้คุณท้องเสียได้ง่าย ๆ อีกด้วย ดังนั้นคุณก็เปลี่ยนมารับประทานไข่ไก่ต้มสุกจะดีกว่า เห็นไหมครับว่านอกจากการออกกำลังกายแล้ว การเลือกรับประทานอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ถ้ารับประทานอาหารที่มีคุณค่าก็จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของคุณ แต่หากคุณทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ก็จะทำให้คุณอ่อนเพลีย และส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณด้วย นอกจากนี้ควรทานก่อนเริ่มออกกำลังกายประมาณ 45 นาที เพื่อสะสมพลังงานเอาไว้ก่อนเลย และจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดยามต้องออกแรงอีกด้วย